วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

Content-Base Instruction


เป็นวิธีการที่ครูจะสอนในแต่ละเนื้อให้  ซึ่งต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสอน


เป้าหมายหลัก
1.เนื้อหาวิชาอื่นจะถูกใช้เพื่อใช้ในการเรียนรู้ภาษาด้วย
2.เน้นการใช้ประสบการณ์เดิมของผู้เรียน
3.เมื่อผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาที่สอดคล้องกับประสบการณ์เดิมก็จะเป็นตัวกระตุ้นได้
4.ครูสอนแบบscaffold(จากง่ายไปยาก)  โดยให้นักเรียนสร้างประโยคแล้วครูจึง่วยเติมเต็ม
5.ภาษาจะรียนได้ดีก็ต่อเมื่อใช้เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างนักเรียน
6.คำศัพท์จะง่ายขึ้นเพราะมีการใช้ในบทความ
7.ถ้าผู้เรียนได้เรียนรู้เรื่องจริง  เขาต้องมีการช่วยเหลือของตัวภาษา
8.ผู้เรียนเรียนรู้ภาษาและเนื้อหาโดยใช้สื่อของจริง
9.ความสามารถในการอ่าน  อภิปราย  และเขียน

Lersen-Freeman, D. (2000). Techniques  and  Principles  in  Language  Teaching.  Hong  Kong :  Oxford  University  Press.p. 137-141.

Communicative Language Teaching



     เป็นหัวใจสำคัญในการสอนปัจจุบัน  จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนใช้ภาษาเป้าหมายในการสื่อสาร  เน้นการเรียนรู้โครงสร้างทางไวยากรณ์และคำศัพท์

Communicative  competence(ใช้สื่อสารความรู้  ความเข้าใจ)
1.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างประโยค
2.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ภาษาทางสังคม
3..มีความรู้ความเข้าใจในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของประโยคต่างๆ
4..มีความรู้ความเข้าใจในการใช้กลยุทธ์ในการสื่อสาร

ต้องมีลักษณะดังนี้
1.รู้ว่าจะต้องใช้ภาษาในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน
2.รู้ว่าจะต้องใช้ในสถาการณ์แบบใด
3.เข้าใจเรื่องของบทความที่แตกต่างกันออกไป
4.เข้าใจเรื่องที่จะสื่อสารในขณะที่เรารู้อย่างจำกัด  โดยใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันออกไป

ลักษณะพิเศษของCLT
1.ให้บรรลุเป้าหมายของหัวใจสำคัญทั้งสี่อย่าง
2.ความสัมพันธ์ของform กับ function
3.เน้นการใช้ภาษาได้อย่าถูกต้องและคล่องแคล่ว
4.นึกถึงบริบทถึงสถานการณ์จริงของผู้เรียน สื่อของจริง
5.ผู้เรียนรับผิดชอบงานต่างๆด้วยตัวเอง  ต้องเข้าใจและพัฒนากลยุทธ์ต่างๆ
6.ครูเป็นแค่ผู้ให้ความสะดวกและให้คำแนะนำ
7.บทบาทนักเรียนเป็นผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนอย่างกระตือรือร้น

เป้าหมายหลัก
1.ให้เกิดการสื่อสารจริงๆให้ได้
2.เปิดโอกาสให้ผู้เรียนทดสอบ  ทดลองสิ่งที่ผู้เรียนรู้
3.ต้องอดทนกับความผิดพลาดของผู้เรียน  เพราะว่าการที่ผู้เรียนผิดพลาด  แสดงว่าเขากำลังสร้างcommunicative  competence
4.ใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องและคล่องแคล่ว
5.เชื่อมโยงทักษาการพูด  อ่าน  ฟัง ให้สัมพันธ์กัน
6.ให้ผู้เรียนสรุปกฏเกณฑ์เอง  เรียนแบบอุปนัย

ขั้นตอนการสอน :  PPP  approach

Warm  up ==> Presentation ==> Practice ==> Production ==> Wrap up

Presentation : นำเสนอเนื้อหา
Practice : ให้นักเรียนฝึก  โดยครูต้องควบคุมอยู่
Production : ให้นักเรียนฝึกแบบอิสระ  เน้นการนำเนื้อหาที่เรียนใช้ในสถานการณ์จริง  ควรออกมาเป็นชิ้นงาน

Mechanical  practice 
>>>ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเข้าใจตัวภาษาก็ได้  เป็นการฝึกแบบrepetition  drills  คือการฝึกซ้ำๆ  หรือsubstitution  drills   คือการฝึกแทนคำบางคำ
Meaningful  practice
>>>เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกตัวภาษามาใช้เอง  แบบฝึกหัดการเติมคำหรือเลือกคำ
Communicative  practice 
>>>เปิดโอกาสให้ผู้เรียนฝึกใช้ภาษาในบริบทที่ถูกต้อง  เข้าในสถานการณ์จริง

เทคนิคการสอน
1.ใช้สื่อของจริง
2.จัดลำดับของประโยคใหม่
3.ใช้การเล่นเกม : ช่องว่างของข้อมูล
4.ใช้แถบของเรื่องราว  แล้วแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน  จากนั้นนำมาเรียงเหตุการณ์
5.การแสดงบทบาทสมมุติ ครูบอกบท ,  ครูบอกสถานการณ์  ผู้เรียนคิดบทเอง